• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
ออกกำลังกายลดน้ำหนัก สำหรับมือใหม่ เริ่มต้นแบบใดดี

ออกกำลังกายลดน้ำหนัก สำหรับมือใหม่ เริ่มต้นแบบใดดี?

  • By นพ.นฤชิต เลาหไทยมงคล
  • 25/09/2025
  • Articles

การลดน้ำหนักไม่ใช่เพียงการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว “การ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก” เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สร้างกล้ามเนื้อ และทำให้รูปร่างกระชับขึ้น โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การรู้จักประเภทของการออกกำลังกาย วิธีเริ่มต้น และการวางแผนอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

ทำไมการออกกำลังกายถึงสำคัญกับการลดน้ำหนัก

การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้มากขึ้น นอกจากลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มระบบเผาผลาญ พัฒนาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และช่วยลดความเครียด ทำให้มือใหม่สามารถเริ่มลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและไม่เหนื่อยล้ามากเกินไป

ประโยชน์จากการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยเผาผลาญแคลอรี่และลดน้ำหนัก แต่ยังส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจอย่างรอบด้าน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดความเครียดและความวิตกกังวล เพิ่มพลังงานและความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้มือใหม่หรือผู้ที่ออกกำลังกายต่อเนื่องสามารถมีสุขภาพแข็งแรง รูปร่างกระชับ และจิตใจแจ่มใสในเวลาเดียวกัน


หลักการ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก สำหรับมือใหม่

  • เริ่มจากกิจกรรมง่ายๆ เช่น เดินเร็ว เดินขึ้นบันได หรือปั่นจักรยานเบาๆ
  • ปรับความเข้มข้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและไม่ทำให้ร่างกายเครียดเกินไป
  • ตั้งเป้าหมายเล็กๆชัดเจน เช่น ออกกำลังกาย 30-45นาทีต่อวัน 2-3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างนิสัยก่อน และค่อยเพิ่มระยะเวลาและความสม่ำเสมอถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ประเภทการ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด สามารถทำได้ทั้งแบบมีอุปกรณ์หรือไม่ต้องใช้อุปกรณ์เลย

  • กระโดดตบ (Jumping Jacks): ยืนเท้าชิดกัน มือวางข้างลำตัว กระโดดแยกเท้าออกและยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นกระโดดกลับสู่ท่าเริ่มต้น เท้าชิดกันและมืออยู่ข้างลำตัว
  • พุ่งหลัง (Burpees): เริ่มจากท่ายืน หมอบลงและวางมือบนพื้น กระโดดเท้าไปข้างหลังเข้าสู่ท่าแพลงก์สูง (High Plank) ทำวิดพื้น จากนั้นดึงเท้ากลับไปที่มือและยืนขึ้น หากต้องการความเข้มข้นเพิ่มสามารถกระโดดขึ้นเมื่อยืน

ข้อดี

  • ช่วยเสริมความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือด
  • เผาผลาญแคลอรีได้ดี
  • ทำได้ง่าย ใช้อุปกรณ์น้อย

ข้อควรระวัง

  • การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การวิ่งหรือกระโดด อาจทำให้ข้อต่อได้รับแรงกดเกินไป ควรระวังและปรับให้เหมาะกับร่างกาย

ออกกำลังกายบอดี้เวท (Bodyweight Workout)

การออกกำลังกายบอดี้เวท (Bodyweight Workout)

การออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท ใช้น้ำหนักตัวของคุณเองเป็นแรงต้าน สามารถทำได้ทุกที่โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น

  • วิดพื้น (Push-up): เริ่มต้นในท่าแพลงก์ (Plank) ค่อย ๆ ลดร่างกายลงจนหน้าอกเกือบแตะพื้น จากนั้นดันร่างกายกลับขึ้นสู่ท่าเดิม ระวังให้ข้อศอกอยู่ใกล้ลำตัวขณะดันตัวขึ้น
  • สควอต (Squat): ยืนแยกเท้ากว้างเท่าสะโพก งอเข่าและย่อตัวลงเหมือนนั่งเก้าอี้ ให้หน้าอกตั้งตรงและเข่าอยู่เหนือปลายเท้า ค่อย ๆ ดันตัวกลับขึ้นสู่ท่ายืน

ข้อดี

  • ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ทำได้ทุกที่
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของร่างกาย

ข้อควรระวัง

  • อาจให้แรงต้านไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายระดับสูง
  • การกำหนดกลุ่มกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนอาจทำได้ค่อนข้างยาก

ออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training)

การออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training)

HIIT เป็นการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสลับกับช่วงพักที่มีความเข้มข้นต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เผาผลาญแคลอรีอย่างรวดเร็ว และปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

วิธีฝึกเบื้องต้น:

  • เลือกการออกกำลังกายใดก็ได้ เช่น วิ่ง กระโดดตบ สควอต หรือท่า Burpees
  • ทำต่อเนื่องให้เร็วที่สุดเป็นเวลา 20 วินาที
  • พักหรือออกกำลังกายเบาลง 10 วินาที
  • ทำซ้ำต่อเนื่อง 4 นาทีต่อ 1 เซ็ต

ข้อดี

  • เผาผลาญแคลอรีได้มากในเวลาอันสั้น
  • ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงกระบวนการเผาผลาญ (Metabolism)
  • สามารถฝึกได้ทั้งแบบมีหรือไม่มีอุปกรณ์

ข้อควรระวัง

  • มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง หากทำไม่ถูกวิธี
  • อาจเหนื่อยหรือรุนแรงเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
  • ควรปรับความเข้มข้นให้เหมาะสมกับร่างกายและสภาพความฟิต

โยคะ (Yoga)

โยคะ (Yoga)

โยคะเป็นการฝึกร่างกายและจิตใจที่ผสมผสาน ท่าทางต่าง ๆ ของร่างกาย การฝึกหายใจ และการทำสมาธิ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น การทรงตัว และลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ท่าสุนัขก้มหน้า (Downward Dog): เริ่มจากท่าคุกเข่า เหยียดมือไปด้านหน้า วางไว้ที่พื้นให้ชิดบริเวณไหล่เล็กน้อย มองลงไปที่พื้นและดันสะโพกขึ้น เหยียดขาตรง พยายามดันส้นเท้าเข้าหาพื้น ควรวางมือให้มั่นคงและหลังตรง อยู่ในท่านี้ประมาณ 1 นาที พร้อมหายใจช้า ๆ ก่อนค่อย ๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น
  • ท่าภูเขา (Warrior II): เริ่มจากยืนแยกเท้าออกจากกัน กางแขนขนานกับพื้น หันเท้าขวาออก 90 องศา งอเข่าขวาลงให้มากที่สุด ยืดแขนออกไปด้านข้างและจ้องมองไปที่มือขวา ค้างไว้ประมาณ 30 วินาที – 1 นาที จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้นและทำสลับข้าง

ข้อดี

  • ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นและการทรงตัว
  • ลดความเครียดและผ่อนคลายจิตใจ
  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย

ข้อควรระวัง

  • การเผาผลาญแคลอรีอาจไม่สูงมาก
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างเข้มข้น

พิลาทิส (Pilates)

พิลาทิส (Pilates)

พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่มุ่งเน้น เสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางร่างกาย (Core) พร้อมปรับปรุงการจัดระเบียบร่างกายและความยืดหยุ่น โดยเน้นการควบคุมการเคลื่อนไหวและการหายใจอย่างมีสติ

  • ท่า The Hundred: นอนหงายหลังแนบเสื่อ วางแขนข้างลำตัว งอเข่าและยกขาขึ้นให้ขนานกับพื้น ยกศีรษะและไหล่ขึ้นพร้อมยกแขนขึ้นลง ขณะหายใจเข้าห้าครั้งและหายใจออกห้าครั้ง
  • ท่า Single Leg Stretch: นอนหงาย ยกขาสองข้างเหยียดตรง แล้วดึงขาข้างหนึ่งเข้าหาอกพร้อมยืดขาอีกข้าง ยกศีรษะและไหล่ออกจากเสื่อ ทำซ้ำ 2 ครั้งแล้วสลับขา

ข้อดี

  • ปรับปรุงความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อแกนกลาง
  • ใช้อุปกรณ์น้อย สามารถทำที่บ้านได้
  • ดีสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและปรับท่าทาง

ข้อควรระวัง

  • เผาผลาญไขมันได้น้อยเมื่อเทียบกับคาร์ดิโอ
  • การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณอื่นอาจจำกัด ต้องเสริมด้วยการออกกำลังกายประเภทอื่น

ตาราง ออกกำลังกายลดน้ำหนัก เริ่มต้นสำหรับมือใหม่

วันประเภทการออกกำลังกายระยะเวลา/เซ็ต
จันทร์เดินเร็ว/ปั่นจักรยาน20-30 นาที
อังคารเวทเทรนนิ่ง (ดันพื้น,ดัมเบล)2 เซ็ต x 10–12 ครั้ง
พุธพัก/โยคะ15–20 นาที
พฤหัสบดีHIIT เบาๆ15-20 นาที
ศุกร์เดินเร็ว/ปั่นจักรยาน20-45 นาที
เสาร์เวทเทรนนิ่ง + โยคะ15–20 นาทีแต่ละส่วน
อาทิตย์พัก

หมายเหตุ: สำหรับมือใหม่ ให้ปรับตามความฟิตของร่างกาย ค่อยๆเพิ่มเวลาและความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่

  • เลือกกิจกรรมที่ชอบ → ลดความเบื่อและช่วยทำต่อเนื่อง
  • วอร์มอัพและคูลดาวน์ทุกครั้ง → ป้องกันบาดเจ็บและลดการปวดกล้ามเนื้อ
  • ใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ เช่น ขวดน้ำ ดัมเบลขนาดเล็ก เสื่อโยคะ
  • จดบันทึกหรือใช้แอปติดตามความคืบหน้า → สร้างแรงจูงใจและเห็นผลชัดเจน

“ทุกก้าวที่คุณเคลื่อนไหวคือการลงทุนเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี”

ข้อดีและข้อควรระวังในการ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก

ข้อดีและข้อควรระวังในการ ออกกำลังกายลดน้ำหนัก

ข้อดี

  • เผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ
  • สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น
  • เพิ่มความมั่นใจและสุขภาพจิตดีขึ้น

ข้อควรระวัง

  • เริ่มเร็วหรือเข้มเกินไป → เสี่ยงบาดเจ็บ
  • ออกกำลังกายหนักโดยไม่พัก → เหนื่อยล้าเกินไป
  • ควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย → หากกินเกิน น้ำหนักอาจไม่ลด

สรุป

สำหรับมือใหม่ควรลดอย่างปลอดภัย การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เริ่มจากกิจกรรมง่ายๆ ทำต่อเนื่อง และปรับความเข้มข้นตามร่างกาย ความสม่ำเสมอและการวางแผนสำคัญกว่าการออกกำลังกายหนักแต่ครั้งเดียว”ทุกการเคลื่อนไหวคือก้าวแรกสู่รูปร่างที่ดี สุขภาพแข็งแรง และความมั่นใจ