รวมวิธีลดเหนียงคอ ฉบับเห็นผลไว ทวงคืนหน้าเรียวสวยให้กลับมาดังเดิม

รวม 11 วิธีลดเหนียงคอด้วยวิธีหัตถการฉบับเห็นผลไว หากคิดว่าวิธีแบบธรรมชาติเห็นผลช้าเกินไป ลองมาแก้ไขด้วยหัตถการดู เพราะเป็นวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพกว่าวิธีธรรมชาติ ทั้งยังเห็นผลไวกว่า แถมยังปลอดภัยแน่นอน

1. ดูดไขมัน

ดูดไขมันเหนียงคอ เป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินใต้คาง โดยใช้อุปกรณ์และท่อขนาดเล็กในการดูดไขมันออก วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีการสะสมของไขมันใต้คางในปริมาณมากและยังมีผิวที่มีความยืดหยุ่นดี ถือเป็นหนึ่งในวิธีลดเหนียงแบบเร่งด่วนที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก บริเวณใต้คางกระชับขึ้นและเหนียงลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังทำ

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาต้องใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วัน และควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น รอยเขียวช้ำรุนแรง อาการบวมมาก หรือปัญหาผิวไม่กระชับ เป็นต้น

2. ร้อยไหม

ร้อยไหมเหนียงคอ เป็นวิธีการยกกระชับผิวโดยการใส่ไหมเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวบริเวณที่มีเหนียง ซึ่งไหมจะทำหน้าที่ดึงและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น เห็นผลลัพธ์กรอบหน้าจะดูชัดเจนและกระชับขึ้นได้ทันทีหลังทำ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเห็นภายใน 1-2 เดือน และผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่ได้ช่วยสลายไขมันโดยตรง แต่จะเน้นการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ทำให้เกิดเหนียงเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวใต้คางหย่อนคล้อย ไม่กระชับ และมีเหนียงในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อเหนียงปริมาณมากหรือผู้ที่มีผิวค่อนข้างแน่น

3. ฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ลดเหนียงคอ เป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอและใบหน้าส่วนล่าง เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าว ส่งผลให้ผิวบริเวณกรอบหน้าถูกดึงขึ้น ทำให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้นและเหนียงดูลดลง ผลลัพธ์จะเห็นชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ และอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบริเวณกรอบหน้าไม่กระชับและมีเหนียงจากผิวหย่อนคล้อย แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเหนียงคอที่เกิดจากการสะสมของไขมัน

4. Hifu

HIFU เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการลดเหนียงคอที่เกิดจากผิวหย่อนคล้อย โดยใช้หลักการของ Hifu Macrofocus จะส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์เข้าสู่ชั้นผิวต่างๆ เพื่อช่วยยกกระชับผิวในบริเวณที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหนียง กระพุ้งแก้ม กรอบหน้า ลำคอ หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หลังทำ Hifu จะมีความรู้สึกปวดและตึงใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงว่าคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้แล้ว

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็มและมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่มาก โดยจะเห็นผลการกระชับตั้งแต่การรักษาครั้งแรก และยังช่วยป้องกันการหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้อีกด้วย

5. Ulthera

Ulthera เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงสู่ชั้นใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการยกกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหนียงใต้คาง และต้องการปรับหน้าให้เรียวมีกรอบชัดเจน หลังการรักษาอาจมีอาการบวมเป็นปกติ ซึ่งจะหายภายใน 2-3 วัน และอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยเมื่อกดบริเวณที่ทำ ซึ่งจะหายเองภายใน 2 สัปดาห์ ผลลัพธ์ของการทำ Ulthera จะเห็นการยกกระชับประมาณ 30% ตั้งแต่ครั้งแรก และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลา 3 เดือน

ข้อดีของวิธีนี้คือเป็นการยกกระชับและลดเหนียงโดยไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง ได้รับการยอมรับระดับโลก ไม่ทิ้งรอยแผล และให้ผลลัพธ์นานกว่า 1 ปีด้วยการทำเพียงครั้งเดียว

6. ผ่าตัดลดเหนียง

ผ่าตัดลดเหนียง หรือผ่าตัดกระชับเหนียง เป็นวิธีศัลยกรรมที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินใต้คางและยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางและคอที่หย่อนคล้อย เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางในปริมาณมาก

การผ่าตัดลดเหนียงถือเป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน มีแผลผ่าตัดขนาดเล็กไม่เกิน 5 เซนติเมตรซ่อนอยู่ใต้คาง โดยขนาดแผลจะแตกต่างกันตามแต่ละคนและความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วย เมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์แผลจะเริ่มแห้งและสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ 

7. Potenza

Potenza เป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุยิงเข้าสู่ชั้นใต้ผิว ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาผิวหลากหลายรูปแบบ ทั้งการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยโดยเฉพาะบริเวณเหนียงคอหรือบริเวณร่องแก้มลึก แก้ปัญหาหน้ามัน รูขุมขนกว้าง หลุมสิว ริ้วรอย และผิวหมองคล้ำรอบดวงตา รวมถึงการรักษาสิวอักเสบและสิวอุดตันได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาผิวในส่วนอื่นๆ เช่น ริ้วรอยที่ลำคอ มือเหี่ยวย่น และท้องแตกลายหลังคลอด โดยสามารถทำได้ทั้งการยกกระชับรูปหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว และปรับผิวให้เรียบเนียนในการรักษาครั้งเดียว ข้อดีของวิธีนี้คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลชัดเจนทั้งในด้านคุณภาพผิวและการยกกระชับ และให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานกว่า 12 เดือน

8. เมโสแฟต

เมโสแฟตเหนียงคอ เป็นวิธีการรักษาที่ใช้การฉีดตัวยาสลายไขมันเข้าสู่ชั้นไขมันโดยตรง โดยมีสารออกฤทธิ์หลักคือ Artichoke Extract (Cynara Scolymus) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ Coenzyme ในกระบวนการ Anabolism ช่วยลดเนื้อเยื่อไขมันและการสังเคราะห์กรดไขมัน นอกจากนี้ ในเมโสแฟตยังมี L-carnitine ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีบทบาทในกระบวนการสลายกรดไขมันในร่างกาย โดยทำหน้าที่ขนส่งกรดไขมันเข้าสู่เซลล์และช่วยในการนำไขมันมาใช้เป็นพลังงาน ส่งผลให้ลดการสะสมไขมันและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย

การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างรวดเร็ว โดยหลังการฉีดครั้งแรก เซลล์ไขมันจะลดลงประมาณ 10-15% และจะเริ่มสังเกตเห็นเหนียงยุบลงภายใน 5-7 วัน จากนั้นจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ เมื่อไขมันถูกสลายและกำจัดออกไปตามกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเหนียง ลดไขมันเฉพาะจุด หรือลดเซลลูไลท์

9. Thermage

การลดเหนียงด้วยเทคโนโลยี Thermage เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ส่งความร้อนลงสู่ผิวตั้งแต่ชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน ซึ่งจะกระตุ้นให้คอลลาเจนหดตัวและสร้างขึ้นใหม่ พร้อมทั้งช่วยให้ไขมันเกิดการย่อยสลาย ส่งผลให้ปริมาตรของใบหน้าลดลง ผิวแน่นขึ้น เนียนขึ้น และดูอ่อนเยาว์ลง 

โดยจะเห็นผลการกระชับบริเวณใต้คอทันทีหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นภายใน 2 เดือน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าอ้วน มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ หรือมีเหนียงคอที่เห็นได้ชัด

10. Coolsculpting

CoolSculpting เป็นวิธีการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ -11 องศาเซลเซียส โดยการแช่แข็งเซลล์ไขมันตามเวลาที่กำหนด จากนั้นจึงใช้การนวดเพื่อทำให้เซลล์ไขมันตายและลดจำนวนลงอย่างถาวร โดยร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดปริมาณเซลล์ไขมันได้ถึง 25% ต่อการรักษา 1 ครั้ง 

สำหรับการลดเหนียงจะใช้หัว Cool Mini ซึ่งเป็นหัวขนาดเล็กที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริเวณเหนียง นมน้อย เนื้อใต้รักแร้ เหนือหน้าอก และเนื้อย้วยเหนือเข่าที่ไม่สามารถลดด้วยการออกกำลังกายได้ วิธีนี้ถือว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องฉีดยา ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และให้ผลลัพธ์แบบถาวร โดยจะเริ่มเห็นผลภายใน 3-4 สัปดาห์ เห็นผลเต็มที่ใน 3 เดือน และสามารถทำซ้ำได้ตามต้องการ

11. Radiesse

RADIESSE เป็นนวัตกรรมล่าสุดของสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) และสารเติมเต็มที่มีความแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปทั้งในด้านส่วนประกอบและการทำงาน โดยมีจุดเด่นในการฟื้นฟูความแน่นเฟิร์มและความเรียบเนียนของผิว ช่วยเพิ่มวอลลุ่มและความชุ่มชื้นที่คงอยู่ได้นาน เนื่องจากกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติ 

การทำงานของ RADIESSE แบ่งเป็นสามระยะ คือ เห็นผลทันทีจากการเติมเต็มของเนื้อเจล ผลระยะสั้น 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือนจากการที่ CaHA กระตุ้น Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนทดแทนเจลที่สลายไป ทำให้ผิวแน่นเด้งและยกกระชับขึ้น และผลระยะยาว 6-24 เดือนจากโครงสร้างคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ผิวมีความหนาแน่น แข็งแรง และมีสุขภาพดีเหมือนผิวเด็ก