• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
IF ลดน้ำหนักได้จริงมั้ย เริ่มต้นแบบไหนให้เหมาะกับเรา

IF คืออะไร ลดน้ำหนักได้จริงมั้ย เริ่มต้นแบบไหนให้เหมาะกับเรา?  

IF คืออะไร ?

IF (Intermittent Fasting) คือ การอดอาหารโดยเว้นเป็นช่วงๆ เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในยุคปัจจุบัน เป็นการลดน้ำหนักโดยการควบคุมแคลอรี่และจำกัดเวลาในการทานอาหาร วิธี IF มีหลายสูตร หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมาก คือ การจำกัดเวลาในการทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง

สิ่งที่ทำให้ IF (Intermittent Fasting) ได้รับความนิยมมากในยุคนี้ เพราะสอดคล้องกับ ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่มักเร่งรีบ ไม่ค่อยกินมื้อเช้า และเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่น คนที่ตื่นสาย ไม่หิวตอนเช้าอยู่แล้ว การกินแบบIF จึงดูง่าย ไม่ฝืนธรรมชาติ แถมยังมีงานวิจัยหลายฉบับที่สนับสนุนว่าIF อาจช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก ลดไขมัน และปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดอีกด้วย


อควรรู้ก่อนเริ่มลดน้ำหนัก If

ข้อควรรู้ก่อนเริ่มลดน้ำหนัก IF

  1. IF Fasting ไม่ใช่การอดอาหารแบบอดตาย Ifเป็นการกำหนด “ช่วงเวลา” กิน-งด ไม่ใช่ห้ามกิน
  2. เลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ เริ่มจากแบบง่าย เช่น 16:8 แล้วค่อยๆ ปรับ
  3. ห้ามกินจุกจิกนอกช่วงกิน (Feeding Window) แม้จะเป็นของว่างเล็กๆ ก็อาจทำให้IF เสียผล
  4. ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ในช่วงกิน ไม่ใช่กินอะไรก็ได้ กินคลีนจะช่วยให้เห็นผลไว
  5. ดื่มน้ำเปล่าได้ตลอดช่วงอดอาหาร แนะนำดื่มน้ำเยอะๆ หรือดื่มชาดำ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล
  6. อาจมีอาการหิว ปวดหัวช่วงแรก เป็นเรื่องปกติ ร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับตัว
  7. ควรหลีกเลี่ยงการทำIF ถ้ามีโรคประจำตัว โดยเฉพาะเบาหวาน ความดัน หรือกินยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  8. อย่าเครียดกับมันเกินไปIFเป็นเรื่องของวินัย ไม่ใช่การลงโทษตัวเอง ค่อยๆปรับให้เข้ากับชีวิตตัวเองมากที่สุด

หลักการลดน้ำหนักของ if

การลดน้ำหนักด้วยIF (Intermittent Fasting) มีหลักการสำคัญคือการจำกัดช่วงเวลาการกิน เพื่อให้ร่างกายมีเวลางดอาหารนานพอจนระดับอินซูลินลดลง และเข้าสู่โหมดเผาผลาญไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดแคลอรีโดยธรรมชาติ เพราะเมื่อมีเวลาทานน้อยลง ก็มักกินน้อยลงโดยไม่ต้องนับแคลอรีอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนที่ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ และส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ในร่างกายIF จึงเป็นแนวทางลดน้ำหนักที่อิงกลไกร่างกายตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อทำร่วมกับการเลือกกินอาหารที่ดีและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม


IF มีกี่แบบ

Intermittent Fasting มีหลายรูปแบบโดยแต่ละแบบจะต่างกันที่ “ระยะเวลาการอดอาหาร” และ “ช่วงเวลาที่สามารถกินได้” ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายของแต่ละคน รูปแบบหลักๆที่นิยมมีดังนี้ :

รูปแบบ If ที่นิยม 6 แบบ

รูปแบบ IF ที่นิยม 6 แบบ

 1.) 16:8

  • อดอาหาร 16 ชั่วโมง / กินได้ใน 8 ชั่วโมง
  • นิยมที่สุด เหมาะกับมือใหม่ เช่น กิน 12:00–20:00 น.

 2.) 18:6

  • อด 18 ชั่วโมง / กิน 6 ชั่วโมง
  • เหมาะกับคนที่เคยทำ 16:8 แล้ว อยากขยับให้เผาผลาญดีขึ้น

 3.) 20:4

  • อด 20 ชั่วโมง / กิน 4 ชั่วโมง
  • เหมาะกับคนมีวินัยสูง ต้องเลือกอาหารให้ครบถ้วนในมื้อน้อย

 4.) OMAD (One Meal A Day)

  • กินวันละ 1 มื้อ ภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
  • ลดน้ำหนักไวมาก แต่อาจเสี่ยงขาดสารอาหาร ถ้าไม่วางแผนดี

 5.) 5:2

  • กินตามปกติ 5 วัน / จำกัดแคลอรี (500–600 kcal) 2 วัน
  • ไม่เน้นอดนานแต่ลดแคลอรีเฉพาะบางวัน เหมาะกับคนไม่ชอบอดยาว

 6.) Eat-Stop-Eat

  • อดอาหารเต็มวัน (24 ชั่วโมง) 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • เช่น หยุดกินจากมื้อเย็นวันจันทร์ → มื้อเย็นวันอังคาร
  • ต้องระวังภาวะน้ำตาลต่ำหรืออ่อนเพลีย เหมาะกับคนที่ทำกิจกรรมเล็กน้อยไม่หักโหม


แต่ละแบบสามารถ “ยืดหยุ่นได้” ขึ้นอยู่กับร่างกายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเริ่มแบบหักดิบ ควรเริ่มจาก 16:8 แล้วค่อยๆ ปรับให้เหมาะกับตัวเราค่ะ

“กินข้าวเที่ยง กินเย็น แล้วนอน…หุ่นดีก็มา”


รูปแบบ IF แบบไหนเหมาะกับใคร?

การทำIF มีหลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบจะแตกต่างกันที่ “ช่วงเวลาที่กินได้” และ “ช่วงเวลาที่งดอาหาร” ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้เลย

รูปแบบIf ช่วงกิน,ช่วงลด เหมาะกับใคร

รูปแบบ ช่วงอด/ช่วงกิน เหมาะกับใคร

16:8 อด 16 ชม./ กิน 8 ชม. > มือใหม่, คนทำงานที่ไม่กินเช้า

18:6 อด 18 ชม. / กิน 6 ชม. > คนที่เคยทำ 16:8 แล้วปรับตัวได้ดี

20:4 อด 20 ชม./ กิน 4 ชม. > คนที่มีวินัยสูง คุมอาหารเก่ง

OMAD (One Meal a Day) อด 23 ชม./ กิน 1 มื้อ > คนต้องการลดน้ำหนักเร็ว แต่ต้องเชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการ

เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละแบบ

รูปแบบ✅ ข้อดี    ⚠️ ข้อเสีย
16:8เริ่มง่าย ไม่หักดิบ ร่างกายปรับตัวไวอาจยังลดน้ำหนักได้ไม่เร็ว
18:6ช่วยดึงพลังงานจากไขมันได้ดีขึ้นบางคนอาจหิวช่วงท้ายของการอด
20:4กระตุ้นระบบเผาผลาญชัดเจนเสี่ยงกินไม่พอสารอาหารครบ
OMADลดพลังงานได้มาก เหมาะกับสายคุมเข้มหิวจัด อ่อนเพลีย ขาดสารอาหารได้ง่าย


ทิปเลือก IF ให้เหมาะกับตัวเอง:

  • ถ้าเพิ่งเริ่ม → แนะนำ 16:8 ก่อน แล้วค่อยๆ ปรับ
  • ถ้ากินคลีน + ออกกำลังกาย → 18:6 หรือ 20:4 จะเห็นผลไว
  • ถ้ามีโรคประจำตัว หรือผอมอยู่แล้ว → ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ OMAD

คนที่ควรระวังหรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

  • ผู้มีโรคประจำตัว: โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดัน หรือภาวะน้ำตาลต่ำ อาจเกิดอันตรายจากการอดอาหาร
  • เด็กและวัยรุ่น: อยู่ในช่วงเจริญเติบโต ยังไม่ควรจำกัดพลังงานหรืออดอาหาร
  • หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารอย่างต่อเนื่อง การอดอาหารอาจส่งผลต่อทารก

ประโยชน์ของการทำ IF

ประโยชน์ของการทำIF

 1. ช่วยลดน้ำหนัก

IFช่วยลดช่วงเวลาการกิน ทำให้กินน้อยลงโดยไม่ต้องนับแคลอรีละเอียด ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสมได้ดีขึ้น

 2. ลดระดับอินซูลิน – คุมระดับน้ำตาลในเลือด

การอดอาหารทำให้อินซูลินลดลง ร่างกายดึงไขมันมาใช้ได้ง่ายขึ้น และช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2

 3. กระตุ้นการเผาผลาญ

ระหว่างอดอาหาร ร่างกายจะเข้าสู่โหมดเผาผลาญไขมัน (fat burning mode) ส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. กระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone

ช่วยรักษากล้ามเนื้อ เสริมการเผาผลาญ และฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ลดน้ำหนักได้โดยไม่โทรม

5. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้พัก

การเว้นช่วงการกินนานขึ้น ช่วยลดภาระของลำไส้และระบบย่อยอาหาร ทำให้การดูดซึมสารอาหารดีขึ้น

 6. เสริมวินัยในการกิน

IFช่วยฝึกให้เรากินเป็นเวลา ลดการกินจุกจิกหรือกินตามอารมณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของน้ำหนักเกิน

 7. ช่วยชะลอวัยและลดการอักเสบ

– งานวิจัยบางส่วนพบว่าIF กระตุ้นกระบวนการ autophagy (การกำจัดเซลล์เสีย) ซึ่งเชื่อมโยงกับการชะลอความเสื่อมของร่างกาย

หากใครที่มองหาตัวช่วยในการ if ตัวนี้ช่วยคุณได้

หากใครที่กำลังทำIF แล้วรู้สึกว่ายังควบคุมความหิวได้ยาก หรือเผชิญกับภาวะหิวบ่อยจนหลุดแพลน ตัวช่วยหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในสายลดน้ำหนัก คือ

ปากกาลดน้ำหนักอย่าง Ozempic หรือ Wegovy เป็นยาที่ออกฤทธิ์เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ช่วยชะลอการย่อยอาหาร ลดความอยากอาหาร และทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เหมาะกับผู้ที่ทำIF แล้วต้องการเสริมประสิทธิภาพ หรือเริ่มต้นปรับพฤติกรรมการกินโดยไม่ทรมานใจ ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลอย่างยั่งยืน

⚠️ “กินเก่งแต่อ้างว่า IF อยู่ ระวังจะได้ F ที่แปลว่า Fat!”

ทำไมปากกาลดน้ำหนักถึงช่วยคุณในการIF

ทำไมปากกาลดน้ำหนักถึงช่วยคุณในการ IF

1. ควบคุมความหิวระหว่างช่วงอดอาหารได้ดีขึ้น

  • ยาในปากกาลดน้ำหนัก เช่น Ozempic หรือ Wegovy ช่วยชะลอการย่อย ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดอาการหิวจุกจิกที่ทำให้หลายคนหลุดแพลนIF

2. ลดความอยากอาหารช่วงกิน (Feeding Window)

  • แม้ในช่วงที่สามารถกินได้ ปากกาจะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้คุณไม่กินมากเกินไปในมื้อนั้น ช่วยควบคุมแคลอรีได้ดียิ่งขึ้น

3. ช่วยปรับตัวเข้าสู่IF ได้ง่ายขึ้นในช่วงเริ่มต้น

  • คนที่เริ่มทำIF ใหม่ๆ มักรู้สึกหิว หงุดหงิด หรือหลุดแผนได้ง่าย ปากกาจะช่วยให้ช่วงการปรับตัวราบรื่น ไม่ทรมานจนเลิกกลางทาง

4. ลดโอกาสกินตามอารมณ์ (Emotional Eating)

  • ยาช่วยควบคุมศูนย์ความหิวในสมอง ทำให้ลดพฤติกรรมกินเพราะเบื่อ เครียด หรือเสพติดอาหารบางชนิด

 5. เสริมประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก

  • เมื่อIF ควบคู่กับการควบคุมความอยากอาหารและปริมาณพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายจากปากกา ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักจะเร็วขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น

สรุป

Intermittent Fasting (IF) เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่เน้นอดแบบทรมาน แต่เน้นการควบคุม “เวลา” ในการกิน ซึ่งเหมาะกับคนที่มีวินัยพอสมควร ต้องการควบคุมแคลอรีโดยไม่ต้องนับอาหารละเอียดในทุกมื้อ จุดเด่นคือช่วยลดความอยากอาหาร ปรับสมดุลอินซูลิน และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันตามกลไกร่างกาย อย่างไรก็ตาม การทำ IF ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในช่วงที่ร่างกายต้องการพลังงานสูง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้สูงวัยบางราย หากสนใจ IF ควรเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ปรับให้เหมาะกับร่างกาย ไม่ต้องสุดโต่ง และควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าร่วมด้วยเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างยั่งยืนและปลอดภัยค่ะ


บทความน่าสนใจอื่นๆคลิก!!