• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.

ผ่าตัดถุงใต้ตา ทำไมราคาแต่ละที่ถึงต่างกัน?

  • By นพ.วรฤทธิ์ จินารัตน์
  • 28/10/2025
  • Articles

“ถุงใต้ตา” คือหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หมองคล้ำ และดูมีอายุเร็วกว่าความเป็นจริง หลายคนพยายามแก้ไขด้วยครีมหรือเลเซอร์แต่ก็ยังไม่หายขาด การ “ผ่าตัดถุงใต้ตา” จึงเป็นอีกทางเลือกยอดนิยมที่เห็นผลชัดเจนและถาวรกว่า

แต่เมื่อเริ่มหาข้อมูล หลายคนอาจสงสัยว่า… ทำไมราคาผ่าตัดถุงใต้ตาแต่ละที่ถึงแตกต่างกันมาก? มาดูคำตอบกันค่ะ

ผ่าตัดถุงใต้ตา ปัญหาที่หลายคนยังหาวิธีแก้ไข

ผ่าตัดถุงใต้ตา ปัญหาที่หลายคนยังหาวิธีแก้ไข

ถุงใต้ตาเกิดจากการสะสมของไขมันใต้ดวงตา หรือผิวหนังที่หย่อนคล้อยตามอายุ ทำให้เกิดรอยบวมตุ่ยใต้ตา ใบหน้าดูโทรมไม่สดใส

การผ่าตัดถุงใต้ตาจึงเป็นการ นำไขมันส่วนเกินออก หรือจัดเรียงใหม่ เพื่อให้ใต้ตาเรียบตึงและดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ผ่าตัดถุงใต้ตามีกี่แบบ? แบบไหนเหมาะกับใคร

1. ผ่าตัดถุงใต้ตา แผลนอก

แพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณขอบตาล่าง เหมาะกับผู้ที่มีถุงไขมันเยอะหรือมีผิวหนังหย่อนคล้อย เพราะสามารถนำไขมันและผิวส่วนเกินออกได้พร้อมกัน

 ✅ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีผิวใต้ตาหย่อนชัด

2. ผ่าตัดถุงใต้ตาแผลใน

เป็นการเปิดแผลด้านในเยื่อบุตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงไขมันแต่ผิวหนังยังตึง ไม่ต้องการตัดผิวส่วนเกิน วิธีนี้แผลจะไม่เห็นจากภายนอก ฟื้นตัวไวและบวมช้ำน้อย

 ✅ เหมาะกับผู้ที่อายุน้อย หรือยังไม่มีผิวส่วนเกินมาก

ทำไมราคา ผ่าตัดถุงใต้ตา ถึงแตกต่างกัน?

ราคาที่แตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

💠 เทคนิคและเทคโนโลยีที่ใช้

แต่ละคลินิกใช้เทคนิคต่างกัน เช่น เลเซอร์ช่วยผ่าตัด เครื่องมือหรือเทคนิคซ่อนแผล ทำให้ต้นทุนแตกต่างกัน

💠 ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์

แพทย์ที่มีประสบการณ์หรือเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เพราะให้ผลลัพธ์ที่ละเอียด ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ

💠 มาตรฐานและความปลอดภัยของสถานพยาบาล

คลินิกที่ได้มาตรฐานระดับกระทรวงสาธราณะสุข มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อและระบบติดตามหลังทำที่ดี ย่อมมีต้นทุนสูงกว่า แต่ให้ความมั่นใจมากกว่า

💠 บริการหลังทำและการดูแลติดตามผล

บางแห่งมีบริการติดตามผลอย่างใกล้ชิด หรือมีการนัดตรวจซ้ำเพื่อเช็กความเรียบร้อยผลลัพธ์หลังผ่าตัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สะท้อนคุณภาพของการบริการ

แก้ปัญหาถุงใต้ตา ให้เหมาะกับตัวเอง

ก่อนตัดสินใจผ่าตัดหรือแก้ปัญหาถุงใต้ตา ควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือส่งรูปเพื่อให้แพทย์พิจารณาความเหมาะสมในการผ่าตัด เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะกับสภาพผิว อายุ และปัญหาของคนไข้ ไม่ควรเลือกผ่าตัดเพียงเพราะราคาถูกกว่า เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือหากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญอาจจะส่งผลให้ผลลัพธ์ที่สวยไม่เป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจ

การศึกษาข้อมูลล่วงหน้าและเปรียบเทียบราคาจากหลายคลินิกจะช่วยให้เข้าใจถึงความแตกต่างของบริการ เทคนิค และมาตรฐาน ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น

“ยิ่งรู้มาก ยิ่งเลือกได้ถูก” — เพราะการผ่าตัดดวงตาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรตัดสินใจด้วยข้อมูล ไม่ใช่แค่ราคาถูกค่ะ

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ควรเลือกคลินิกที่

  • คลินิกมีมาตรฐานได้รับใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
  • มีแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง(จักษุแพทย์)
  • ใช้ห้องผ่าตัดปลอดเชื้อและเครื่องมือที่ทันสมัย
  • มีการดูแลหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด และมีการติดตามผลลัพธ์หลังรักษา

แนะนำเพิ่มเติม

  • พักผ่อนให้เพียงพอก่อน–หลังผ่าตัด
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือแต่งหน้าบริเวณแผลในช่วงแรก
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัย


การดูแลหลัง ผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

การผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นหัตถการที่ช่วยให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ สดใส และลดความหมองคล้ำได้อย่างชัดเจน แต่หลังการผ่าตัด “การดูแลตนเอง” ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดอาการบวมช้ำ และได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ

1. ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก

หลังผ่าตัดควร ประคบเย็นบริเวณรอบดวงตา ทุก 1–2 ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 15-20 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ แต่ควรใช้ผ้าสะอาดห่อเจลเย็น ไม่วางตรงแผลโดยตรง

2. หลัง 48 ชั่วโมงให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น

เมื่อผ่านไป 2 วัน ให้เปลี่ยนเป็น ประคบอุ่นเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้รอยช้ำจางเร็วขึ้น

3. รับประทานอาหารปกติและหลีกเลี่ยงของแสลง ของมักดอง

  • ควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารรสจัด
  • หลีกเลี่ยงอาหาร ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้บวมและแผลหายช้าลง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย

4. นอนศีรษะสูง

ในช่วง 3–5 วันแรก ควรนอนโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมใต้ตา

5. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาและแต่งหน้า

ควรงดแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา รวมถึงหลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือสัมผัสแผลแรงๆ เพราะอาจทำให้แผลเปิดหรือเกิดการติดเชื้อได้

6. รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์

รับประทานยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาลดบวมตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และห้ามซื้อยาทาแผลหรือยาลดบวมใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

7. ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี

ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดเบาๆ รอบบริเวณแผลทุกวัน หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลเปียกน้ำในช่วง 1 สัปดาห์แรก และงดการล้างหน้า

8. มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

เพื่อให้แพทย์ตรวจดูความเรียบร้อยของแผล ตัดไหม(หากมี) และประเมินผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง


สรุป

การผ่าตัดถุงใต้ตาไม่ใช่เพียงเรื่องของความสวยงาม แต่คือการลงทุนเพื่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์ และราคาที่แตกต่างกันของแต่ละคลินิก มักสะท้อนถึงคุณภาพ เทคนิค ความชำนาญ และมาตรฐานความปลอดภัย ดังนั้น หากเราเลือกศัลยกรรมปรับรูปหน้าสักอย่าง อย่าตัดสินใจเพียงเพราะราคาถูกที่สุด แต่ควรเลือกที่ “ปลอดภัยและเชื่อถือได้” เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองค่ะ