• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
ตัด “ต่อมน้ำลาย” ดีจริงไหม

ตัด “ต่อมน้ำลาย” เพื่อความสวยงาม ดีจริงหรือเสี่ยงระยะยาว?

ต่อมน้ำลาย คืออะไร?

ต่อมน้ำลาย (Salivary glands) เป็นอวัยวะสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม หน้าที่หลักคือผลิตน้ำลายเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร หล่อลื่นช่องปาก ช่วยในการพูด,การกลืน และปกป้องเยื่อบุช่องปากจากการติดเชื้อและฟันผุ

น้ำลายประกอบไปด้วยน้ำ เอนไซม์ (enzyme) และสารเมือก (mucins) ที่ช่วยให้การกลืนและการพูดเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็น buffer ปรับสมดุลกรด–ด่างในช่องปาก ทำให้แบคทีเรียก่อโรคเจริญเติบโตได้ยากขึ้น

ต่อมน้ำลาย

ต่อมน้ำลายหลักของมนุษย์ ( Major Salivary Glands)

ร่างกายมีต่อมน้ำลายหลัก 3 คู่ และต่อมเล็ก ๆ อีกจำนวนมาก ได้แก่

1. Parotid gland (ต่อมน้ำลายหน้าหู)

  • ขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ด้านหน้าหู
  • ผลิตน้ำลายใส (serous) มีเอนไซม์อะไมเลส ช่วยย่อยแป้ง โดยไม่ผลิตน้ำลายเหนียว (mucous)
  • หลั่งน้ำลายออกมามากเมื่อถูกกระตุ้น เช่น เวลากินอาหารหรือเคี้ยว
  • ต่อมน้ำลายหน้าหูนี้สามารถผลิตน้ำลายได้ประมาณ 25% น้ำลายทั้งหมด

2. Submandibular gland (ต่อมน้ำลายใต้คาง)

  • อยู่บริเวณใต้ขากรรไกรล่าง
  • มีขนาดรองลงมา
  • ผลิตน้ำลายผสมทั้งใส (serous) และเหนียว (mucous) แต่เด่นที่มี mucins สูง จึงช่วยหล่อลื่นและป้องกันการแห้งในช่องปาก
  • เป็นแหล่งผลิตน้ำลายหลักขณะพัก (resting saliva) และเป็นแหล่งผลิตน้ำลายส่วนใหญ่ซึ่งมากถึงประมาณ 75% ของน้ำลายในช่องปาก

3. Sublingual gland (ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น)

  • มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มใหญ่ (Major Salivary Glands)
  • ผลิตน้ำลายที่มี mucins สูง แต่ปริมาณรวมน้อย

ลายแต่ละจุด

ตารางเปรียบเทียบ Parotid Gland VS Submandibular Gland

คุณสมบัติParotid GlandSubmandibular Gland
ตำแหน่งด้านหน้าหู ข้างแก้มใต้ขากรรไกรล่าง
ลักษณะน้ำลายใส (serous)ใส + เหนียว (มี mucins สูง)
หน้าที่หลักย่อยแป้งเมื่อเคี้ยวอาหารหล่อลื่นช่องปาก ป้องกันปากแห้ง
สภาวะเด่นทำงานมากเมื่อถูกกระตุ้นทำงานมากในช่วงพัก (resting saliva)
สัดส่วนการผลิต~ 25% ของน้ำลายทั้งหมด~ 75% ของน้ำลายทั้งหมด

จากตารางจะเห็นว่า ต่อมน้ำลายใต้คาง (Submandibular gland) มีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตประจำวันมาก โดยเฉพาะการหล่อลื่นช่องปาก การกลืน และการพูด โดยต่อมน้ำลายหน้าหูไม่สามารถทดแทนการทำงานของต่อมน้ำลายใต้คางได้



เทรนด์การ “ตัดต่อมน้ำลาย” เพื่อความสวยงาม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีกระแสในต่างประเทศและเริ่มแพร่เข้ามาในไทย เกี่ยวกับการ ตัดต่อมน้ำลายใต้คาง เพื่อลดความนูน ทำให้กรอบหน้าดูชัดเจนมากขึ้น

แม้บางคลินิกอ้างว่า “ตัดออกไปก็ไม่เป็นไร เพราะยังเหลือต่อมน้ำลายหน้าหูและต่อมน้ำลายใต้ลิ้น” แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจาก น้ำลายแต่ละชนิดมีหน้าที่ต่างกัน และต่อมน้ำลายใต้คาง คือ ผู้ผลิตหลักของน้ำลายเหนียว ซึ่งมีประโยชน์ช่วยหล่อลื่นในช่องปากซึ่งมีผลเกี่ยวกับการกลืน การพูด และป้องกันฟันผุ



ผลเสียระยะยาวจากการตัดต่อมน้ำลายใต้คาง

การ ตัดต่อมน้ำลาย โดยเฉพาะ การตัดต่อมน้ำลายใต้คาง  (submandibular gland) ไม่ใช่เพียงการลดขนาดก้อนเนื้อ แต่ยังเสี่ยงทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและคุณภาพชีวิตในอนาคต ได้แก่

  • ปากแห้ง (Xerostomia) : งานวิจัยยืนยันว่าแม้ตัดเพียงข้างเดียว อัตราการผลิตน้ำลายขณะพักลดลงครึ่งหนึ่ง และผู้ป่วยมีอาการปากแห้งมากขึ้น
  • กลืนลำบากและพูดไม่ชัด : น้ำลายเหนียวจากต่อมใต้คางมี mucins สูง ทำให้หล่อลื่นกลืนอาหารได้ง่ายขึ้น หากลดลงอาจทำให้กลืนฝืดหรือติดคอได้ง่าย
  • ฟันผุและโรคเหงือก : น้ำลายช่วยป้องกันการเติบโตของเชื้อก่อโรค การผลิตน้อยลงทำให้เสี่ยงฟันผุ เหงือกอักเสบ
  • ปัญหาเมื่ออายุมากขึ้น : โดยธรรมชาติแล้วอายุที่เพิ่มขึ้นและการใช้ยาหลายชนิดก็ทำให้การผลิตน้ำลายลดลงอยู่แล้ว การตัดต่อมน้ำลายใต้คางยิ่งซ้ำเติมปัญหาเหล่านี้ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพภายในช่องปากในระยะยาว

ระยะยาว


มีทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า

การทำให้กรอบหน้าชัดเจน ไม่จำเป็นต้องตัดต่อมน้ำลาย แต่ยังมีหัตถการและเทคนิคอื่นที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิยมใช้ เช่น

วิธีเหล่านี้ไม่กระทบต่อหน้าที่สำคัญของต่อมน้ำลาย และปลอดภัยในระยะยาวมากกว่า

ทางเลือกอื่น


สรุป

“ตัดต่อมน้ำลายใต้คาง” อาจดูเป็นทางลัดให้กรอบหน้าชัด แต่ความจริงคือ เป็นการแลกด้วยสุขภาพช่องปากในระยะยาว ที่ไม่คุ้มค่า การดูแลหรือปรับรูปหน้าควรเลือกวิธีที่ปลอดภัยและไม่กระทบหน้าที่สำคัญของร่างกาย

ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เช่น แพทย์หูคอจมูก ENT หรือ Facial Plastic Surgeon ที่เข้าใจกายวิภาคและผลระยะยาวอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งสวยงามและปลอดภัย


References

  1. Cunning DM, Lipke N, Wax MK. Significance of unilateral submandibular gland excision on salivary flow in noncancer patients. Laryngoscope. 1998;108(6):812–815. PubMed
  2. Navazesh M, Kumar SK. Measuring salivary flow: challenges and opportunities. J Am Dent Assoc. 2008;139 Suppl:35S–40S. PubMed
  3. Gensheimer MF, et al. Submandibular gland sparing and quality of life in radiation therapy. Radiat Oncol. 2016;11:130. PubMed
  4. Mendelson BC, Tutino R. Submandibular gland reduction in aesthetic surgery: long-term outcomes. Plast Reconstr Surg. 2015;136(3):463–473. PubMed