ปัญหาเหนียงหรือไขมันสะสมบริเวณใต้คาง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูอ้วน ขาดความชัดเจนของกรอบหน้า และส่งผลต่อความมั่นใจของตนเอง การลดเหนียงด้วยวิธีทั่วไป เช่น การควบคุมน้ำหนักหรือการออกกำลังกาย อาจให้ผลลัพธ์ที่จำกัด ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาไปอย่างมาก หนึ่งในทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยคือ การ ผ่าตัดเหนียง แบบส่องกล้อง (Endoscopic Neck Lift) ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่มีความแม่นยำสูง ฟื้นตัวไว และให้ผลลัพธ์ที่ดูชัดเจนเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับขั้นตอน ข้อดีและข้อควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดลดเหนียงด้วยเทคนิคส่องกล้องอย่างละเอียด
ผ่าตัดเหนียง แบบส่องกล้องคืออะไร
การผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้อง หรือ “Endoscopic Neck Lift” คือวิธีการศัลยกรรมที่ใช้เทคโนโลยีส่องกล้องช่วยในการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงบริเวณใต้คางและลำคอให้กระชับมากขึ้น โดยเฉพาะการลดหรือกำจัด “เหนียง” หรือไขมันสะสมใต้คาง วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่มีความแม่นยำสูงและแผลเล็กแต่เก็บปัญหาเหนียงได้ครบหมดทุกจุด
ผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้องช่วยเรื่องอะไร
การผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้องช่วยเรื่องต่างๆ ในด้านความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในบริเวณ “ใต้คาง” และ “แนวกราม” ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ
สิ่งที่การ ผ่าตัดเหนียง แบบส่องกล้องช่วยได้ :
- กำจัดเหนียงหรือไขมันใต้คาง : ช่วยลดไขมันสะสมที่ทำให้หน้าดูกลม หน้าบาน หรือดูอ้วนแม้ตัวผอม
- ปรับแนวกรามให้คมชัด : เมื่อไขมันลดลง จะทำให้คางดูเรียวขึ้นและคอมีเส้นขอบกรามชัด สัดส่วนระหว่างใบหน้าชัดเจนขึ้น
- กระชับผิวหนังใต้คางและลำคอ : โดยเฉพาะถ้าคู่กับการเย็บกล้ามเนื้อ (platysmaplasty) จะช่วยให้ผิวไม่หย่อนคล้อย
- ปรับรูปหน้าโดยรวมให้ดูสมส่วน : ทำให้หน้าดูยาวขึ้น ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น (เหมาะกับคนที่หน้ากลม หรือมีคางสั้น คอตัน เหนียงห้อย)
- ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ : เพราะไม่ต้องเปิดแผลใหญ่(ขนาดแผลประมาณ 2-2.5ซม.) และแพทย์สามารถเห็นภาพภายในแบบละเอียดผ่านกล้อง ทำให้จัดการได้แม่นยำ
ดีกว่าผ่าตัดเหนียง แบบธรรมดาอย่างไร
การผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้อง(Endoscopic Neck Lift)ดีกว่าอย่างไร:
- แผลเล็ก : ใช้แผลขนาดประมาณ 2-2.5 ซม. อยู่ใต้คาง รอยแผลเป็นเส้นขีดเดียว และซ่อนแผลใต้คางแทบมองไม่เห็นแผล
- เห็นภาพภายในชัดเจน : กล้องช่วยให้แพทย์มองเห็นไขมัน กล้ามเนื้อ และโครงสร้างใต้ผิวหนังได้ละเอียดกว่าแบบธรรมดา
→ ช่วยให้ เย็บกล้ามเนื้อ หรือจัดการโครงสร้างได้แม่นยำและปลอดภัย - ลดความเสี่ยงต่อเส้นประสาท : เพราะกล้องช่วยนำทางได้แม่นยำ จึงลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การไปโดนทำให้เส้นประสาทบาดเจ็บ และชาได้
- ฟื้นตัวไวกว่า : บวมน้อย ช้ำน้อย เพราะการผ่าตัดที่มองเห็นชัดเจนไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบมาก
- ให้ผลลัพธ์ที่มากกว่า : เพราะการมองเห็นชัดเจน แก้ไขได้ทั้งชั้นกล้ามเนื้อ ไขมัน และผิวหนังพร้อมกัน ไม่ใช่แค่ดูดไขมันออกอย่างเดียว
คนที่เหมาะกับ ผ่าตัดเหนียง แบบส่องกล้อง
ลักษณะของคนที่เหมาะกับการ ผ่าตัดเหนียง :
มีเหนียงหรือไขมันใต้คางสะสมเยอะ
- คนที่ไขมันหนา ไม่มีกรอบหน้า
- ต้องการให้กรอบหน้าชัดและคอดูยาวขึ้น
ผิวหนังบริเวณคอและใต้คางหย่อนคล้อย
- วิธีนี้ตัดผิวหนังส่วนเกินและก้อนไขมันชั้นลึกออกด้วย
- ทำได้ทั้งในคนที่อายุไม่มากแต่มีปัญหาไขมัน และคนอายุที่เยอะที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ขอบกรามไม่ชัด คางดูสั้น หน้ากลม คอตัน
- ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวยาวและมีมิติมากขึ้น
เคยดูดไขมันใต้คางแล้วแต่ยังไม่กระชับพอ
- วิธีส่องกล้องสามารถเย็บกล้ามเนื้อใต้คางร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ถาวรกว่า
สรุปเทคนิคส่องกล้อง :
ผิวหย่อนคล้อย + ไขมันใต้คางเยอะ + อยากได้ผลลัพธ์ชัดเจนและถาวรมากขึ้น = การผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้อง
ถ้าผิวหย่อนไม่มาก หรือแนวคางเบี้ยวจากกระดูก อาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
ข้อดี
- แผลเล็ก บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว
- ปลอดภัยมากกว่า ลดความเสี่ยงต่อเส้นประสาทมากกว่าการผ่าตัดธรรมดา
- ผลลัพธ์ที่ดีกว่า สามารถเข้าถึงจุดที่ยาก และมองเห็นเนื้อเยื่อชัดเจน แม่นยำมากขึ้น
- ลดการเสียเลือด ขณะผ่าตัดเลือดออกน้อย
- ลดอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด
ข้อจำกัด
ไม่สามารถปรับกระดูกหรือคางได้
- วิธีนี้ช่วยลดไขมันและจัดกล้ามเนื้อเท่านั้น
- ถ้าคางสั้นหรือรูปคางไม่สวย อาจต้องเสริมคางร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์สมบูรณ์
ค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีทั่วไป
- เพราะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
- ราคาอาจสูงกว่าการดูดไขมันเหนียงทั่วไป
ต้องมีการประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด
- ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ต้องให้แพทย์ประเมินก่อนว่ามีไขมันหรือกล้ามเนื้อส่วนไหนที่ต้องจัดการ
การเตรียมตัว
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้ผ่าตัดปลอดภัย ฟื้นตัวไว และได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ :
1. ปรึกษาแพทย์และประเมินใบหน้า
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้ หรือแพ้ยา
- ให้แพทย์ตรวจความยืดหยุ่นของผิว ปริมาณไขมัน และแนวกราม
- ถ่ายภาพก่อนผ่าตัดเพื่อใช้เปรียบเทียบผลลัพธ์
2. ตรวจร่างกายเบื้องต้น
- วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง ฯลฯ
3. งดยาและอาหารเสริมบางชนิดอย่างน้อย 7 วันก่อนผ่าตัด
- เช่น แอสไพริน, วิตามิน E, น้ำมันปลา, สมุนไพรบางชนิด (เช่น แปะก๊วย)
- เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายหรือฟกช้ำมากขึ้น
4. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่
- อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี แผลหายไว ลดความเสี่ยงแทรกซ้อน
5. งดแต่งหน้าและโลชั่นในวันผ่าตัด
- โดยเฉพาะบริเวณคาง ใบหน้า และลำคอ
- งดทาเล็บเจล เนื่องจากมีการใช้ที่วัดออกซิเจนขณะผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดบวม และทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ชัดเจน และดีที่สุด
1. ใส่ผ้ารัดหน้าตามที่แพทย์แนะนำ
- โดยปกติใส่ตลอด 24 ชม. ในช่วงวันแรกหลังผ่าตัด
- หลังจากนั้นอาจลดเหลือใส่เฉพาะตอนนอนอีก 1 เดือน
- ช่วยลดบวมและประคองแนวคางให้เข้ารูปดีที่สุด
2. ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก
- ช่วยลดอาการบวมและช้ำ
- ไม่ควรประคบเกิน 20 นาทีต่อครั้ง และควรมีผ้าห่อเจลระหว่างประคบน้ำแข็งกับผิวหนัง
3. นอนยกศีรษะสูง
- ใช้หมอน 2 ใบหรือนอนหมอนสูงประมาณ 2 วันเพื่อช่วยลดบวม
4. งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก วิ่ง หรือออกกำลังกายอื่นๆ
- เพื่อไม่ให้แผลบวม ช้ำ
5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
- อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- เพราะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีและแผลหายช้า
6. ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด หรือยาลดบวม
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงร้อนหรือเจ็บมาก ให้รีบพบแพทย์
7. ติดตามผลตามนัด
- เพื่อให้แพทย์เช็คแผล และผลลัพธ์ว่ากระชับเข้าที่หรือยัง
ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเมื่อไหร่ ?
– สัปดาห์แรก : ยังมีบวมเล็กน้อย
– 2–3 สัปดาห์ : เริ่มเห็นกรอบหน้าชัดขึ้น
– 1–3 เดือน : ผลลัพธ์เริ่มเข้าที่ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนดีที่สุด 3 เดือนเป็นต้นไป
สรุป
การผ่าตัดเหนียงแบบส่องกล้อง เป็นการกำจัดไขมันใต้คางและกระชับผิวหนังโดยใช้กล้องผ่านแผลเล็กใต้คาง ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ดูดีกว่าการผ่าตัดทั่วไป และฟื้นตัวไว เหมาะสำหรับคนที่มีเหนียงหรือไขมันใต้คางสะสมและผิวหย่อนคล้อย โดยไม่ต้องเปิดแผลใหญ่หน้าใบหูหรือทำศัลยกรรมใหญ่(Lower Face lift) ผลลัพธ์จะเห็นชัดใน 1–3 เดือนหลังการผ่าตัด.