หนึ่งในโปรแกรมการดูแลผิวหน้าที่หลายคนคุ้นหูกัน คงหนีไม่พ้นกับการทำทรีตเมนต์หน้าใสแน่นอน เพราะนี่เป็นการดูแลผิวหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ เม็ดสีทำงานผิดปกติได้ รวมถึงการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อให้ผิวสวย ใส แลดูสุขภาพดีได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามโปรแกรมทรีตเมนต์หน้าใสในแต่ละคลินิกนั้น มีรูปแบบการให้บริการที่แตกต่างกันออกไป ใครที่กำลังสนใจโปรแกรมทรีตเมนต์หน้าประเภทนี้อยู่ สามารถติดตามรายละเอียดได้เลยผ่านบทความนี้เลย
การทำทรีตเมนต์หน้าคืออะไร
การทำทรีตเมนต์หน้าใส คือการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก เน้นการเสริมความแข็งแรงให้กับผิวหน้า ช่วยบำรุงผิวหน้าให้มีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ลดอัตราการเกิดสิว และยังช่วยเฟิร์มทำให้ผิวหน้ามีความกระชับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการทรีตเมนต์หน้าจะกระตุ้นคอลลาเจนได้ด้วยนั่นเอง
ประโยชน์ของการทรีตเมนต์หน้าเป็นประจำ
การทำทรีตเมนต์หน้าใส มีประโยชน์ ช่วยบำรุงผิวได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกจากใบหน้า
- ช่วยบำรุงผิวเรียบเนียน
- ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใส
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องบางบนใบหน้า
- ช่วยทำให้ผิวหน้าดูอิ่ม สุขภาพดี
ส่วนผสมหรือสารสกัดที่มักพบในทรีตเมนต์หน้า
การทำทรีตเมนต์ผิวหน้านั้นมักจะมีสารสกัดหลากหลายตัวด้วยกัน ซึ่งสูตรทรีตเมนต์หน้าแต่ละคลินิกจะไม่เหมือนกัน แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะมีส่วนผสมหลักประมาณ 5 ชนิด ดังนี้
- วิตามินซีและวิตามินเอ: ช่วยให้ผิวกระจ่างใส สม่ำเสมอกันทั่วทั้งผิวหน้า อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย
- กรดผลไม้ (AHA/BHA): ผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวหน้าพร้อมเผยผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ ลดโอกาสในการเกิดสิวอุดตัน กระชับรูขุมขน
- มอยส์เชอไรเซอร์ (Moisturizer): เติมน้ำให้กับผิว พร้อมกับกักเก็บความชุ่มชื้นให้คงอยู่กับผิวได้อย่างยาวนาน เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว
- คอลลาเจน: เสริมทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เติมเต็มริ้วรอยร่องบางๆ บนใบหน้า และลำคอ
- เรตินอยด์ (Retinoids): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหน้ามีความแน่นมากยิ่งขึ้น
ทำทรีตเมนต์หน้าด้วยวิธีไหนได้บ้าง
การทำทรีตเมนต์หน้าแต่ละคลินิกนั้นมีรูปแบบในการให้บริการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในเนื้อหานี้ของบทความได้มีการรวบรวมวิธีการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าเพื่อหน้าใส และยกกระชับผิวหน้าที่มีความนิยมไว้แล้วที่นี่ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. ทรีตเมนต์หน้าด้วยครีมบำรุง
ทรีตเมนต์หน้าด้วยครีมบำรุงผิว เป็นทรีตเมนต์ผิวที่ทุกคนควรทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ทำได้ง่ายๆ ได้ที่บ้าน โดยการทาครีมบนผิวชั้นนอก เลือกใช้ครีมที่มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผิวตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นครีมกระชับใบหน้า มอยส์เชอไรเซอร์ วิตามินเอ และวิตามินซี
แม้วิธีการทรีตเมนต์หน้าด้วยครีมบำรุงจะเห็นผลได้ช้ามากที่สุด แต่ควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงของผิวหน้า และควรใช้ครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. ทรีตเมนต์หน้าด้วยการผลักวิตามิน
ทรีตเมนต์หน้าด้วยการผลักวิตามิน เป็นการเสริมประสิทธิภาพในการทาครีมให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำได้โดยการใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) มีลักษณะคล้ายกับเครื่องอัลตราซาวนด์ รูปแบบการทำงานของเครื่องโฟโนโฟเรซิสจะเป็นการปล่อยคลื่นความถี่เข้าสู่ผิว เพื่อเป็นการผลักตัวครีมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทรีตเมนต์ผิวนี้จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
3. ทรีตเมนต์หน้าด้วยสารเคมี
สารเคมีลงบนผิวหน้า และเช็ดออก โดยส่วนมากแล้วจะมีการใช้สารเคมีอยู่ 3 ตัวด้วยกัน ดังนี้
- Light Chemical Peels เป็นการใช้กรดอัลฟา ไฮดรอกซี่ เพื่อปรับให้ผิวกระจ่างใส
- Medium Chemical Peels เป็นการใช้กรดไตรคลอโรอะซิติก เพื่อลดเลือนปัญหาฝ้ากระจุดด่างดำ
- Deep Chemical Peels เป็นการเน้นการผลัดเซลล์ผิวด้วยส่วนผสมของสารเคมีฟีนอล
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่สามารถทำบ่อยมากได้ และควรใช้งานใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพราะความแข็งแรงของผิวแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกันออกไป
4. ทรีตเมนต์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ (RF)
ทรีตเมนต์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ (RF) เป็นการใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการเสริมสร้างของคอลลาเจน และอีลาสตินเพื่อทำให้ผิวหน้ากลับมามีความยืดหยุ่น ดูกระชับมากยิ่งขึ้น โดยในบางคลินิกอาจจะเรียกทรีตเมนต์หน้าใส ยกกระชับผิวนี้ว่า นวดหน้าRF ก็ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
5. ทรีตเมนต์หน้าด้วยอัลตราซาวนด์
ทรีตเมนต์ผิวนี้จะเป็นการปล่อยคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปที่ชั้นผิวลึก 5 มิลลิเมตร เพื่อสร้างความร้อน และกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูเด้งเด็กขึ้นได้ ลดเลือนปัญหาริ้วรอย และในบางกรณีจะช่วยทำให้ผิวหน้าดูเรียวเพิ่มเติมได้ คุณจะสัมผัสถึงผลลัพธ์หลังจากทำทรีตเมนต์นี้ไปได้อย่างเต็มที่ในช่วง 3-6 เดือน
6. ทรีตเมนต์หน้าด้วยเลเซอร์
เลเซอร์ถือเป็นทรีตเมนต์หน้าที่มาแรง และเห็นผลลัพธ์ได้ดี พร้อมกับยังสามารถช่วยดูแล แก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย เนื่องจากหัวเลเซอร์แต่ละประเภทจะเหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์หน้าใส เลเซอร์ลดสิว เลเซอร์แก้ฝ้ากระจุดด่างดำ หรือจะเป็นเลเซอร์เพื่อจัดการปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าก็มีให้บริการอยู่เช่นเดียวกัน
เคล็ดลับการทำทรีตเมนต์หน้าด้วยตนเองได้ที่บ้าน
สำหรับใครที่ไม่สะดวกรับบริการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าที่คลินิก ก็สามารถทำทรีตเมนต์ดูแลผิวหน้าตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน จะมีวิธีใดบ้างเพื่อทำทรีตเมนต์ ไปติดตามกันต่อได้เลย
1. การทำความสะอาดใบหน้า
ก่อนที่จะลงบำรุง หรือเริ่มทำทรีตเมนต์ผิวการเตรียมความพร้อมของผิวด้วยการทำความสะอาดถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุด หากแต่งหน้าควรทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางบนใบหน้าให้ดี และล้างหน้าเพื่อจัดการกับคราบสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลือบนใบหน้าให้เรียบร้อย จากนั้นให้นำผ้าสะอาดมาซับหน้าให้แห้ง โดยหลีกเลี่ยงการถูใบหน้าอย่างรุนแรง เพราะเป็นการทำร้ายผิวได้
2. อบไอน้ำให้กับหน้า
ถัดมาจะเป็นขั้นตอนของการอบไอน้ำ เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขนให้พร้อมสำหรับการบำรุง หรือลงทรีตเมนต์หน้าใส อีกทั้งการเปิดรูขุมขนด้วยการอบไอน้ำนั้นยังเป็นการเคลียร์สิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่ในซอกรูขุมขนได้อีกด้วย
3. สครับผิวหน้า
การสครับผิวหน้าจะเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว ให้เคลียร์ออกไปจากใบหน้า ช่วยทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น เผยผิวใส และทำให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน แต่การสครับผิวนั้นไม่ควรทำถี่ หรือติดต่อกัน ภายใน 1 สัปดาห์ควรทำประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือว่าเพียงพอแล้ว
4. มาสก์หน้า
การมาสก์หน้ามีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการมาสก์แผ่น หรือมาสก์โคลน ซึ่งการมาสก์หน้านี้จะเป็นทรีตเมนต์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์ โดยการมาสก์หน้านั้น สามารถที่จะมาสก์ได้ถี่ตามความต้องการ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวให้ดี และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นอันตรายต่อผิว
5. เพิ่มความชุ่มชื้นและนวดหน้า
ขั้นตอนสุดท้าย คือการทาครีมประเภทมอยส์เชอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งคุณควรเลือกมอยส์เชอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย เพื่อลดการอุดตันของชั้นผิว และลดโอกาสหน้ามันระหว่างวัน
ด้านขั้นตอนการลงสกินแคร์ประเภทนี้ ควรนวดหน้าทีละจุดระหว่างทาครีมไปด้วย โดยการนวดหน้าที่ดี สามารถทำได้ในบริเวณหน้าผาก แก้ม จมูกคาง เพื่อบำรุงวระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง เพื่อผ่อนคลายผิว ลดความตึงเครียด
เลือกผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์หน้าอย่างไรดี
เมื่อรู้ขั้นตอนการทำทรีตเมนต์หน้าเองที่บ้านกันไปแล้ว มาดูการเลือกผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์หน้า เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาหน้าของแต่ละบุคคล ไปดู
ใช้ผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์หน้าให้เข้ากับสภาพผิว
แน่นอนว่าสภาพผิวเป็นปัจจัยหลักที่คุณควรคำนึงเมื่อต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์ผิว คือสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยแต่ละสภาพผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบใด ในส่วนนี้ได้จัดหมวดหมู่แบ่งสกินแคร์ตามประเภทผิวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้
- ผิวธรรมดา: ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อสัมผัสไม่บางเบา หรือเข้มข้นเกินไป เพื่อเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เพียงพอกับความต้องการ
- ผิวมัน: แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี และลดโอกาสในการเกิดปัญหาเรื่องสิวอุดตันเพิ่มเติม
- ผิวแห้ง: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อเติมน้ำให้กับผิว พร้อมช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่ใต้ชั้นผิวได้ยาวนาน เนื่องจากคนผิวแห้งมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเรื่องของริ้วรอยได้ง่ายมากกว่าคนผิวประเภทอื่น การเติมน้ำให้กับผิวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
- ผิวแพ้ง่าย: เพื่อลดการแพ้ของคนผิวแพ้ง่าย ควรเลือกสกินแคร์ที่ปราศจากน้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงหลังจากที่ทาผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์ผิวไปแล้ว มีอาการผื่นแดง หรือสิวเพิ่มเติม
- ผิวผสม: อาจจะเริ่มสังเกตผิวในแต่ละโซนบนใบหน้าก่อนว่ามีพื้นใดที่เป็นผิวแห้งจัด หรือผิวมันจัด และควรใช้สกินแคร์ที่แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ เนื้อสัมผัสบางเบาสำหรับพื้นที่ที่เป็นผิวมัน ส่วนในพื้นที่ที่เป็นผิวแห้งนั้นให้เลือกใช้สกินแคร์ที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น
อ่านรายละเอียดและส่วนผสมของครีม
จัดเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม และไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร คุณควรที่จะอ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ให้ดีเสียก่อนว่าสกินแคร์ที่กำลังเลือกซื้ออยู่นั้น ตอบโจทย์กับปัญหาผิวที่กำลังเผชิญอยู่หรือไม่ และมีส่วนประกอบจากอะไรบ้าง ยิ่งสำหรับคนที่เป็นคนผิวแพ้ง่าย ต้องดูรายละเอียดให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ตัวดังกล่าวมีส่วนประกอบอย่างน้ำหอม น้ำมัน หรือพาราเบนด้วยไหม เพื่อเลี่ยง และลดความเสี่ยงในการแพ้ให้ได้มากที่สุด
8. ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นการปรับโครงหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น หากคุณเป็นคนที่ใบหน้าดูซูบผอม การฉีดฟิลเลอร์จะถือเป็นทางเลือกที่ดูน่าสนใจเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องอาศัยฝีมือ และประสบการณ์ของแพทย์ด้วย เนื่องจากปัญหาหน้าเหี่ยว หน้าดูโทรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้ทักษะของแพทย์ผู้ดูแล เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ต้องพิจารณากันให้ดีก่อนเลือกใช้บริการ ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์สามารถเห็นได้ทันทีหลังจากฉีดเสร็จ แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่หลังจาก 3-4 สัปดาห์แล้วนั่นเอง
ทดลองกับผิวบางส่วนก่อน
ก่อนจะใช้งานจริงบนผิวหน้า คุณควรทดสอบกับพื้นที่ผิวในส่วนอื่นของร่างกายก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ พื้นที่ที่มีผิวหนังใกล้เคียงกันกับผิวหน้าคือท้องแขน หรือบริเวณข้างคาง ให้คุณทาสกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์ที่ซื้อมา และปล่อยทิ้งไว้เพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 15-20 นาที หากไม่พบอาการผื่นแดง หรือความผิดปกติใดๆ ก็สามารถที่จะนำมาทาบนใบหน้าได้อย่างปลอดภัย
ความต่างระหว่างการทรีตเมนต์หน้าเองกับที่คลินิก
การทำทรีตเมนต์หน้าที่บ้าน แน่นอนว่าคุณจะมีความสะดวกสบาย และทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ พร้อมกับงบที่ใช้ในแต่ละครั้งที่ทำทรีตเมนต์นั้นมีราคาย่อมเยา แต่อย่างไรก็ดี ในด้านของผลลัพธ์นั้นต้องใช้ระยะเวลายาวนาน อีกทั้งยังต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการดูแลผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่ากับการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าที่คลินิก
เนื่องจากการทำทรีตเมนต์หน้าใสที่คลินิกนั้น มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และยังมีเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้การทำทรีตเมนต์ที่คลินิกเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเร็วมากกว่า ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าการทำทรีตเมนต์ที่บ้าน แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน
วิธีการดูแลผิวหน้าให้ดูดีต่อเนื่อง
นอกจากการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าในรูปแบบหลากหลายที่ได้แนะนำไปตลอดบทความนี้แล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อเสริมความแข็งแรงของผิว ช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมอ และชะลอปัญหาเรื่องของริ้วรอยได้เพิ่มเติม ดังนี้
- การทำความสะอาดใบหน้า: จัดเป็นขั้นตอนแรกเริ่มของการดูแลผิวที่ดี เพราะหากสามารถจัดการกับสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้ดี การบำรุงผิวก็จะสามารถเห็นผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการเกิดสิวได้ด้วย
- การทาครีมกันแดด: แสงแดดถือเป็นศัตรูตัวร้ายของผิวหน้าเลยก็ว่าได้ ยิ่งอากาศในปัจจุบันแปรปรวน และมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ การไม่ทากันแดดอาจทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้ รวมถึงการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- บำรุงผิวหน้าด้วยสกินแคร์: ถึงแม้การทาสกินแคร์จะใช้ระยะเวลานาน และต้องอาศัยวินัยในการดูแลผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง แต่การบำรุงผิวหน้าด้วยสกินแคร์ก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อเป็นการดูแลผิวหน้าให้ดูมีน้ำใต้ชั้นผิว และมีความแข็งแรงอยู่เสมอ
- พักการแต่งหน้า: สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ การแต่งหน้าตลอดเวลานั้นเป็นการรบกวนผิว และทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเรื่องของสิวเสี้ยน หรือสิวอุดตันได้ง่าย สำหรับใครที่ทำความสะอาดหน้าไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกใต้ชั้นผิวหนังได้เพิ่มเติมไปอีก
- ไม่แกะ กด หรือบีบสิว: ทุกครั้งที่มีปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า พยายามอย่าแกะ กด หรือบีบสิว เพราะทุกครั้งที่ทุกดสิวนั้นจะเป็นการทำลายเซลล์ผิวหนังบริเวณดังกล่าวด้วย อาจทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงที่ชัดเจน ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้เกิดหลุมสิวที่ยากต่อการรักษาในอนาคตได้ด้วย
สรุป
การทำทรีตเมนต์หน้า คือการบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึกเพื่อให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส ลดเลือนปัญหาเรื่องของริ้วรอย และรวมไปถึงการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ด้วย ซึ่งทรีตเมนต์หน้ามีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการผลักวิตามิน การยิงเลเซอร์ หรือจะเป็นการทาสกินแคร์ที่มีความเข้มข้นเองก็ตาม
โดยส่วนมากแล้วสกินแคร์สำหรับทรีตเมนต์หน้านั้นมักจะมีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี AHA BHA และเรตินอล เพื่อเสริมการสร้างคอลลาเจน อัปผิวให้มีความกระจ่างใส และช่วยเสริมให้ผิวหน้ามีความแน่นขึ้น
ที่ HERS Clinic มีทรีตเมนต์ครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์กับปัญหาผิวที่หลากหลาย มีปัญหาผิวสามารถเข้ามาปรึกษากับเจ้าหน้าที่ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีกว่าก่อนได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทรีตเมนต์หน้า (FAQs)
เนื้อหาส่งท้ายนี้ได้รวบรวมคำถามยอดนิยม มาไว้เพื่อคลายข้อสงสัยของผู้อ่านเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับบริการทรีตเมนต์ที่คลินิก จะมีคำถามอะไรบ้างที่น่าสนใจ ไปติดตามกันได้ ดังนี้
ทำทรีตเมนต์หน้าใสแล้วได้ผลจริงไหม
จริง หน้าใสขึ้นจริงหลังจากทำครั้งแรก แต่เพื่อเป็นการรักษาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในระยะยาว ควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
ทรีตเมนต์หน้าช่วยยกกระชับผิวได้ไหม
การทำทรีตเมนต์ผิวสามารถยกกระชับผิวขึ้นได้ แต่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ โดยปกติแล้วหลังทำทรีตเมนต์หน้าประเภทยกกระชับผิว คุณจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่หลังจากทำแล้วไม่เกิน 1-3 เดือน
ทำทรีตเมนต์หน้าได้ทุกคนไหม
ทำได้ทุกคน เนื่องจากทรีตเมนต์ผิวมีรูปแบบหลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป
หากไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากการทำทรีตเมนต์หน้าประเภทใดก่อน สามารถเข้ามาปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ของ HERS Clinic ก่อนได้