หน้าเหี่ยวก่อนวัย เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ทุกคนมักกังวลกันอยู่เสมอ เนื่องจากริ้วรอยบนใบหน้าเป็นสัญญาณของความแก่นั่นเอง อย่างไรก็ดี การที่หน้าเหี่ยว หรืออาการผิวขาดความยืดหยุ่นนั้น เกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย และยังส่งผลโดยตรงกับความมั่นใจในการใช้ชีวิต ในบทความนี้ จึงได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาหน้าย่นก่อนวัย เพื่อทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง กู้ผิวแห้งกร้าน ปัญหาหน้าริ้วรอย ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติได้อีกครั้ง โดยวิธีง่ายๆ ใกล้ตัวคุณ จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย!
สาเหตุที่ทำให้หน้าเหี่ยว
ปัจจัยที่ทำให้หน้าเหี่ยวย่นมีหลายปัจจัย และอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่หลายคนคิด ในเนื้อหาส่วนนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกเกี่ยวกับปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย ผิวขาดน้ำ และหน้าแก่ก่อนวัยกัน!
แสงแดด
แสงแดด สภาพแวดล้อม หรือมลภาวะทางอากาศ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน หรือแม้แต่ PM 2.5 ที่นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลร้ายต่อผิว ทำให้ผิวขาดน้ำ ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย รวมถึงศัตรูผิวอันดับหนึ่งอย่างแสงแดดที่มีทั้ง UVA และ UVB คอยทำลายคอลลาเจน ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าเหี่ยวเลยก็ว่าได้
อายุมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนใต้ชั้นผิวจะเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ เซลล์ผิวจะสูญเสียความสามารถในการสร้างอีลาสติน ทำให้ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน หากมีคำถามว่า หน้าเหี่ยวเกิดจากอะไร? อายุผิวที่แก่ขึ้นมักจะเป็นปัจจัยที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงมากที่สุด
ดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุของหน้าเหี่ยวที่ใกล้ตัวทุกคน และถูกมองข้ามมากที่สุด เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีส่วนประกอบหลักคือน้ำ โดยร่างกายนั้นสูญเสียน้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน รวมถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ดึงความชุ่มชื้นออกจากชั้นผิว การดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ จะทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดปัญหาเรื่องริ้วรอย และหน้าเหี่ยวก่อนวัยได้
พฤติกรรมส่วนตัว
พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้หน้าเหี่ยว อย่างการแสดงสีหน้าชัดเจนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม การย่นจมูก หรือการยักคิ้ว จะทำให้ชั้นผิวหนังเกิดการพับตัวไปมาซ้ำๆ เป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้หน้าเหี่ยวย่น นอกจากนี้ พฤติกรรมที่เข้าข่ายทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยได้ ยังรวมถึงภาวะความเครียดสะสม การรับประทานอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ สิ่งเหล่านี้ ก็จัดเป็นพฤติกรรมที่เร่งทำให้เกิดปัญหาหน้าแก่ได้ด้วย
9 วิธีแก้หน้าเหี่ยว กระชับผิวหน้า เห็นผล และปลอดภัย
วิธีแก้หน้าย่นที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่าย เห็นผล และปลอดภัยนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี ในบทความนี้ได้คัดเลือกมา 9 วิธีด้วยกัน จะมีวิธีไหนบ้าง และรายละเอียดเป็นอย่างไร ไปดูกัน!
1. นวดกระชับใบหน้า และบริหารกล้ามเนื้อ
วิธีแรก จะเป็นวิธีทำให้หน้าเต่งตึงโดยธรรมชาติ จะเน้นการนวดกระชับใบหน้า เพื่อบริหารกล้ามเนื้อผิวหน้าโดยเฉพาะ การนวดหน้าจะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และระบบน้ำเหลือง ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยวิธีการนวดจะเป็นการไล่นวดตั้งแต่คางขึ้นไปจนถึงหน้าผาก ทำแบบนี้ประมาณ 3-5 เซตในทุกวัน จะช่วยเสริมระบบการไหลเวียนของโลหิตได้เป็นอย่างดี
2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
สกินแคร์ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนควรใช้เป็นกิจวัตรประจำวัน หากคุณมีความกังวลเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า ควรเลือกใช้สกินแคร์ประเภทเพิ่มความชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอยตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้ผิวหน้าแห้ง และมีริ้วรอยร่องลึก ซึ่งตระกูลสกินแคร์ที่แนะนำ ได้แก่ ไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic) วิตามินอี (Vitamin E) และเรตินอล (Retinol) เป็นต้น
3. Ulthera
หัตถการที่ขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยแก้หน้าย่น จัดการเรื่องริ้วรอยบนใบหน้าอีกวิธีคือ Ulthera ที่เป็นวิธีการจัดการกับผิวหนังบนใบหน้าที่มีความเหี่ยวย่นด้วยเทคโนโลยีใช้คลื่นเสียงยิงเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเฉพาะเจาะจงแบบ Focused Ultrasound ซึ่งกินพื้นที่เพียงแค่ 1 mm. เพียงเท่านั้น
Ulthera ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้า ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้จากชั้นลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้น จึงทำให้วิธีนี้จัดเป็นหัตถการที่มีความนิยมสูงมาก
4. Thermage
นวัตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถจัดการกับผิวหน้าเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดีอย่าง Thermage จะเป็นการใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุยิงเข้าไปที่ผิวหนังชั้นลึกสุดของโครงสร้างผิวหนัง รวมถึงชั้นไขมัน (Subcutaneous) ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้การทำ Thermage สามารถครอบคลุมผิวหนังทั้ง 3 ชั้น ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน จึงทำให้ผลลัพธ์หลังจากทำเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น มีความยืดหยุ่นขึ้น ผิวดูเรียบเนียน รูขุมขนแลดูเล็กลง เป็นต้น
5. Hifu
Hifu จัดเป็นหัตถการที่ดูแลปัญหาหน้าเหี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะลดเลือนริ้วรอย กระชับผิวหนังแล้ว ยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย ซึ่ง Hifu จะเป็นการปล่อยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปที่ผิวหนังชั้น SMAS ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งการทำหัตถการนี้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังจากที่ทำไปแล้ว 1 เดือน
6. Botox
หัตถการที่ทำแล้ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เลยหลังจากทำเสร็จคือ Botox ซึ่งจะเป็นหัตถการรูปแบบการฉีดสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โดยสารชนิดนี้จะเข้าไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทโดยเฉพาะ ทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงาน จัดการกับปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก ช่วยให้รอยย่นต่างๆ เต่งตึงขึ้น กระชับขึ้น พร้อมคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวหน้าแลดูเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อายุการทำงาน Botox นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของสารที่ใช้ฉีด โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ได้ราวๆ 6-12 เดือน
7. ร้อยไหม
หากปัญหาหลักของคุณคือ ผิวหน้าเหี่ยว หย่อนคล้อย การร้อยไหมอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณ เนื่องจากการร้อยไหมจะเป็นการดึงผิวหนังที่มีปัญหา ให้กลับเต่งตึงขึ้นด้วยการร้อยไหมเข้าไปบริเวณแก้มส่วนล่าง และจุดบริเวณขมับเข้าหากัน การร้อยไหมนี้จะช่วยทำให้ผิวกระชับ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน รวมถึงกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
8. ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ จะเป็นการปรับโครงหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น หากคุณเป็นคนที่ใบหน้าดูซูบผอม การฉีดฟิลเลอร์จะถือเป็นทางเลือกที่ดูน่าสนใจเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องอาศัยฝีมือ และประสบการณ์ของแพทย์ด้วย เนื่องจากปัญหาหน้าเหี่ยว หน้าดูโทรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้ทักษะของแพทย์ผู้ดูแล เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ต้องพิจารณากันให้ดีก่อนเลือกใช้บริการ ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์สามารถเห็นได้ทันทีหลังจากฉีดเสร็จ แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่หลังจาก 3-4 สัปดาห์แล้วนั่นเอง
9. ผ่าตัดดึงหน้า
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นมากเป็นพิเศษ การผ่าตัดดึงหน้าจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด การผ่าตัดดึงหน้าจะช่วยกระชับผิวหนังส่วนเกิน และยกชั้นไขมันให้กลับเข้าที่เข้าทางได้ ทำให้ผิวหน้ากลับมาดูเต่งตึง และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือการยกกระชับผิวในรูปแบบนี้ จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอยู่ได้ยาวนานกว่าวิธีอื่นๆ แต่อาจจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าเล็กน้อย
ป้องกันผิวอย่างไร ไม่ให้หน้ากลับมาเหี่ยว
การป้องกันผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย ถือเป็นตัวช่วยในการชะลอริ้วรอยได้ดี ยิ่งถ้าคุณรู้วิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหน้า ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และรูปแบบการใช้ชีวิตให้เหมาะสม ก็จะยิ่งช่วยรักษาผิวหน้าให้ดูยืดหยุ่น เต่งตึง และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้นด้วย
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เลี่ยงน้ำตาล และไขมันไม่ดี ที่จะกระตุ้นสารอนุมูลอิสระ ที่เป็นตัวการทำให้ผิวแก่ก่อนวัย
- งดสูบบุหรี่และเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ รบกวนการสร้างอีลาสติน ทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย ไม่ยืดหยุ่น จนเกิดปัญหาหน้าเหี่ยวได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนถือเป็นยาที่วิเศษที่สุด เนื่องจากการนอนพักผ่อนนั้นเป็นการฟื้นฟูร่างกาย จึงควรพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ร่างกายมีส่วนประกอบของน้ำอยู่เป็นส่วนมาก และมีการขับน้ำออกอยู่ตลอดเวลา การดื่มน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลโดยตรงต่อผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ที่เป็นส่วนช่วยทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นช้าลง
- งดเครื่องดื่มคาเฟอีน การดื่มคาเฟอีนอาจเป็นพฤติกรรมยามเช้าของใครหลายคน แต่ถ้าหากดื่มคาเฟอีนมากเกินไป จะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น จึงควรจำกัดการดื่มคาเฟอีนให้มีปริมาณเหมาะสมด้วย
แก้ปัญหาหน้าเหี่ยวที่ Hers Clinic ดีกว่าอย่างไร
หากคุณกำลังเผชิญปัญหาผิวหน้าเหี่ยว ดูหย่อนคล้อย มีริ้วรอยก่อนวัย ขอนำเสนอการแก้ไขปัญหาปัญหาผิวโดยแพทย์มากประสบการณ์ที่ Hers Clinic โดยที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือสุดทันสมัย และหัตถการหลากหลาย ที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวหน้าที่หลากหลาย
- รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์
- เครื่องมือทันสมัย
- หัตถการหลากหลาย ครอบคลุมปัญหาผิวหน้า
- อุปกรณ์สะอาด ปลอดเชื้อ
- ทีมงานใส่ใจ เป็นมิตร ปรึกษาปัญหาผิวได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สรุป
ปัญหาหน้าเหี่ยว ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย จัดเป็นปัญหาผิวที่หลายคนกังวล และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งในเบื้องต้นแล้ว สาเหตุที่ทำให้เกิดหน้าเหี่ยวก่อนวัย มักมาจากสิ่งแวดล้อม แสงแดด อายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมที่เร่งการเสื่อมสภาพของผิว อย่างการดื่มแอลกอฮอล์ หรือการแสดงสีหน้าซ้ำๆ รวมถึงการดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
อย่างไรก็ดี หากคุณต้องการวิธีแก้หน้าย่น ก็มีหัตถการในปัจจุบัน ที่สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็น Botox, Filler, Ulthera, Hifu, Thermage หรือแม้แต่การร้อยไหม และการผ่าตัดดึงหน้า แต่ถ้าจะให้ดี ควรปฏิบัติตามวิธีการป้องกันเรื่องริ้วรอยด้วย เพราะถ้านำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันด้วย ก็จะยิ่งส่งผลดีมากยิ่งขึ้น ทั้งการดื่มน้ำให้เยอะขึ้น ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดคาเฟอีน และการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ โดยสิ่งเหล่านี้ แค่ปรับเปลี่ยน ชีวิตก็ดีขึ้น ทั้งในแง่ของร่างกาย และช่วยให้ผิวและดูสุขภาพดี โดยเฉพาะผิวหน้านั่นเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาหน้าเหี่ยว (FAQ)
ในเนื้อหาส่วนนี้ ได้รวบรวมคำถามที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหน้าเหี่ยว ผิวย่น เพื่อมาคลายความสงสัยให้ทุกๆ คนกัน จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย!
รักษาหน้าเหี่ยวด้วยวิธีไหนประหยัดงบที่สุด?
วิธีการนวดหน้า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาที่กว่าจะแสดงผลลัพธ์ และต้องใช้ความต่อเนื่องในการนวดหน้าด้วย อย่างไรก็ดี หากคุณนวดผิวหน้าผิดวิธี ผลลัพธ์ก็จะไม่เกิดขึ้น หากต้องการวิธีที่เห็นผลลัพธ์แน่นอน และราคาย่อมเยา การฉีดโบท็อกก็เป็นวิธีที่เป็นตัวเลือกแรกๆ ของผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
ไม่ได้ทาครีมกันแดด ทำให้หน้าเหี่ยวหรือไม่?
ได้ เนื่องจากในแสงแดดมี UVA และ UVB ที่ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว รวมถึงทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพ ขัดขวางการสร้างเส้นอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นด้วยนั่นเอง
ระหว่าง Ulthera, Thermage และ Hifu เลือกทำแบบไหนดี?
HIFU กับ Ulthera จะเน้นเรื่องการกระชับของชั้นผิว ส่วนเรื่องริ้วรอย อาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนเท่าการทำหัตถการอื่นๆ แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ควรเลือกทำหัตถการประเภท Thermage จะตอบโจทย์มากกว่า