• TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.
  • TH/EN
  • 099-1890189
  • MRT สุทธิสาร ทางออก 4
  • จันทร์-เสาร์: 10.00 - 20.00 น.

วิธีแก้ ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ แบบไม่ต้องผ่าตัด

“ถุงใต้ตา” และ “ใต้ตาคล้ำ” เป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หมองคล้ำ และแก่กว่าวัย แม้แต่งหน้าก็ยากจะปกปิด หลายคนอาจคิดว่าต้องพึ่งการผ่าตัดเท่านั้นจึงจะเห็นผล แต่ความจริงแล้ว ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขถุงใต้ตาและรอยคล้ำที่สามารถทำได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัย เห็นผลจริง และใช้เวลาไม่นาน ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ใต้ตา, การฉีดมาเด้, เลเซอร์ใต้ตา, หรือ การฉีดไขมันใต้ตา

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักทุกวิธีอย่างละเอียด พร้อมข้อดี–ข้อเสีย ผลลัพธ์ และความเหมาะสม
ของแต่ละเทคนิค เพื่อช่วยให้เลือกแนวทางที่เหมาะกับปัญหาใต้ตาของคุณมากที่สุด


ทำไมถึงมี “ถุงใต้ตา” และ “ใต้ตาคล้ำ” ?

ปัญหาถุงใต้ตาและรอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • พันธุกรรมหรือโครงสร้างกระดูกเบ้าตา
  • อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไขมันใต้ตาหย่อนคล้อย
  • พักผ่อนน้อย หรือใช้สายตาหนักจากจอคอมพิวเตอร์ / มือถือ
  • การสะสมของเม็ดสี (pigmentation)
  • การสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว

ผลคือ ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และแก่กว่าวัย แม้แต่งหน้าก็ปกปิดได้ยาก


ถุงใต้ตา และ ใต้ตาคล้ำ คืออะไร ?

  1. ถุงใต้ตา (Under Eye Bags) คือ การที่บริเวณใต้ตาเกิดการพองหรือยื่นออกมาของผิวและไขมันใต้ตา ทำให้เห็นเป็น “ถุง” ขึ้นมา ใบหน้าดูบวม เหนื่อยล้า หรือแก่กว่าวัย
  2. ใต้ตาคล้ำ (Dark Circles) คือ การมีสีคล้ำหรือรอยดำใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูหมอง ไม่สดใส มักเห็นชัดเวลาพักผ่อนน้อยหรืออายุมากขึ้น

ทั้งสองปัญหานี้มักเกิดร่วมกัน แต่ก็สามารถเกิดแยกกันได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของแต่ละคน

สาเหตุของ ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ

สาเหตุของ “ถุงใต้ตา” และ “ใต้ตาคล้ำ”

1.พันธุกรรม (Genetics)

  • ถุงใต้ตาและใต้ตาคล้ำบางรูปแบบมีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์
  • หากพ่อแม่มีปัญหานี้ ลูกก็มีโอกาสเกิดได้สูง

2.อายุที่เพิ่มขึ้น (Aging)

  • ผิวใต้ตาสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น
  • ไขมันใต้ตาอาจหย่อนคล้อย เกิดเป็นถุงใต้ตา

3.การพักผ่อนน้อย (Lack of Sleep)

  • นอนน้อยทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยายตัว ส่งผลให้ใต้ตาคล้ำ

4.ความเครียดและไลฟ์สไตล์ (Stress & Lifestyle)

  • การใช้สายตามาก เช่น จ้องคอมพิวเตอร์ มือถือ
  • ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือบริโภคอาหารเค็ม

5.การสะสมของเม็ดสี (Pigmentation)

  • การสร้างเม็ดสีมากผิดปกติในผิวใต้ตา ทำให้คล้ำ
  • พบได้ในคนที่มีผิวคล้ำหรือแพ้ง่าย

6.อาการบวมน้ำ (Fluid Retention)

  • ร่างกายกักเก็บน้ำมากเกินไป ทำให้ใต้ตาบวม
  • เกิดได้จากอาหารเค็ม หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
  • โรคหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง

7.ภูมิแพ้ (Allergies)

  • ปัญหาไต หรือร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด


วิธีแก้ไข ใต้ตารอยคล้ำ “แบบไม่ผ่าตัด”

วิธีแก้ไขถุงใต้ตาและรอยคล้ำ “แบบไม่ผ่าตัด”

ปัจจุบันมีเทคนิคทางการแพทย์หลายวิธีที่สามารถช่วยฟื้นฟูใต้ตาให้กลับมาดูสดใสได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under Eye Filler)

เป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องลึก ปรับผิวให้เรียบเนียน และลดเงาดำที่เกิดจากแสงตกกระทบ

ข้อดี

  • เห็นผลทันทีหลังทำ
  • ใช้เวลาไม่นาน (ประมาณ 15–30 นาที)
  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • สามารถสลายได้ หากไม่พอใจผลลัพธ์

ข้อควรระวัง

  • ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะใต้ตาเป็นจุดที่เสี่ยงต่อเส้นเลือด
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 8–12 เดือน

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีร่องใต้ตาลึกแต่ยังไม่มีถุงไขมันมาก
  • ผู้ที่มีใต้ตาคล้ำจากแสงและร่องลึก ไม่ใช่จากเม็ดสี

2. การฉีดมาเด้ (Mesoestetic Meso/MesoEye/คอลลาเจน)

“มาเด้” คือการฉีดสารอาหาร วิตามิน และกรดอะมิโนเข้าสู่ผิวใต้ตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายใน

ข้อดี

  • ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา
  • ผิวดูชุ่มชื้นและสว่างขึ้น
  • ไม่มีรอยแผล
  • ปลอดภัย เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

ข้อควรระวัง

  • ต้องทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3–6 เดือน

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหา “ใต้ตาคล้ำ” จากเม็ดสีหรือเส้นเลือด
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวรอบดวงตาโดยรวม

3. เลเซอร์ใต้ตา (Laser Treatment)

เลเซอร์ใต้ตาช่วยลดเม็ดสีและกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เช่น Q-Switch, Pico Laser หรือ Fractional Laser เพื่อให้ผิวรอบดวงตาดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น

ข้อดี

  • ช่วยลดรอยคล้ำและริ้วรอยเล็ก ๆ
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อควรระวัง

  • อาจมีรอยแดงหรือผิวแห้งเล็กน้อย 1–2 วันหลังทำ
  • ต้องทำซ้ำต่อเนื่อง 3–5 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีรอยคล้ำจากเม็ดสี (pigment)
  • ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา

4. การฉีดไขมันใต้ตา (Fat Grafting)

เป็นการดูดไขมันส่วนเกินจากร่างกาย (เช่น ต้นขา หน้าท้อง) แล้วฉีดกลับเข้าไปใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องลึกและลดความหย่อนคล้อย

ข้อดี

  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
  • อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ (บางส่วนคงอยู่ถาวร)
  • ใช้ไขมันของตัวเอง ปลอดภัย

ข้อควรระวัง

  • ต้องทำโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
  • อาจมีบวมช้ำเล็กน้อยหลังทำ
  • ราคาโดยรวมสูงกว่าวิธีอื่น

เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีถุงใต้ตาและร่องลึกชัดเจน
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว


เปรียบเทียบข้อดี–ข้อควรระวังของแต่ละวิธี

วิธีการเห็นผลระยะเวลาผลลัพธ์เหมาะกับปัญหาการพักฟื้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาทันที8–12 เดือนร่องลึก ใต้ตาคล้ำไม่มี
มาเด้ / MesoEye2–3 ครั้ง3–6 เดือนใต้ตาคล้ำจากเม็ดสีไม่มี
เลเซอร์ใต้ตา3–5 ครั้ง6–12 เดือนเม็ดสี ริ้วรอยแดงเล็กน้อย
ฉีดไขมันใต้ตาภายใน 1 สัปดาห์ถาวรบางส่วนถุงใต้ตา ร่องลึกบวมนิดหน่อย

สรุป

การแก้ไขถุงใต้ตาและรอยคล้ำไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป ปัจจุบันเทคโนโลยีความงามสมัยใหม่ช่วยให้สามารถฟื้นฟูใต้ตาได้อย่างปลอดภัย เห็นผลเป็นธรรมชาติ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก เพียงเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของตนเอง ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ